2018.01.12 Friday
00:11 ต่อ (ที่มา เสวนา เจล ที่ใช้ทาก่อน น่าจะเป็นเจลอัลตร้าซาวด์นะครับ เดี๋ยวจะลองถามเพื่อนน้องชาย เป็นหมอสมองดู
00:12 ต่อ (ที่มา เสวนา ถ้าใช้น้ำเกลือ ผมว่าขั้วจะเป็นคล้ายๆสนิมสีขาวหรือเขียวๆ เหมือนเวลาออกกำลังกายแล้วเหงื่อไปโดนโลหะนานๆจะเป็นสีเขียว ผมว่าใช้น้ำเกลือไม่น่าจะดี
06:25 Samart S ใช่มันมีสนิมเขียว
06:26 Samart S แต่ปุ่มมันเป็นฟองน้ำ กลัวว่าเจลจะไม่ซึม/ แต่รุ่นใหม่มันเป็นขาเดียว ไม่ต้องใช้นะ
08:13 ต่อ (ที่มา เสวนา ผมพูดเผื่อในอนาคต ถ้าจะวัดละเอียดมากขึ้น แม่นยำ อาจต้องเปรียบเทียบกับการทาเจลกับไม่ทาเจลไหมครับ ผมเห็นเวลาวัดพวกนี้ ตาม รพ ใช้เจลทั้งนั้น น่าจะวัดค่าได้ดีกว่า แต่ถ้าเราทดลองแบบทั่วไปก็อีกเรื่อง ทาเจลำม่สะดวก
08:13 ต่อ (ที่มา เสวนา ทาเจลำม่สะดวก=ทาเจลจะไม่สะดวก
08:14 Samart S ใช่/
08:14 Samart S งานวิจัยของผมจะปิดเล่มกานประยุกต์ใช้ อุปกรณ์ในการอ่านค่าสภาวะธรรม เท่านี้ก่อน
08:15 Samart S เฟสต่อไปกำลังคิดว่า จะเล่นเกี่ยวกับองค์ฌาน
08:22 ต่อ (ที่มา เสวนา อ๋อ ครับ ผมพอนึกๆได้อีกอย่างเรื่องการวัดก่อน-หลัง ทาเจลกับไม่ทา ใช้วิธีดูค่าแตกต่างเป็น %(อาจต้องทดลองจนเชื่อถือได้) จากนั้นก็วัดแบบไม่ต้องทาเจลก็ได้ เพราะใช้ค่า % นั้น มาลดหรือเพิ่ม เข้าไป
14:18 ต่อ (ที่มา เสวนา พี่อ๊อดครับ ยี่ห้อพี่ มีคู่มือใช้ที่สามารถdownload มาดูได้ไหมครับ เผื่อมีคำอธิบายในแต่ละคลื่น เราน่าจะลงข้อมูลไว้เรียนรู้ร่วมกัน ดูสมบัติทีล่ะตัวเลย
14:43 Samart S มีครับ
14:43 Samart S แต่ผมยังไม่ได้ดู /ใช้แต่ปุ่มของเขา
14:43 Samart S เลยไม่รู้ที่มา
14:44 Samart S เขาว่าเป็นงานวิจัยของเขา
14:44 Samart S แต่เครื่องนี้ก็สามารถทำเป็นคลื่นแบบเดียวกันกับยี่ห้ออิ่นเหมือนกัน
14:50 ต่อ (ที่มา เสวนา เครื่องพี่อ๊อดมีคลื่นหลายตัว เอามาดูที่ล่ะตัวก็ได้ครับ load manual มาดูกัน
08:32 ต่อ (ที่มา เสวนา Stickers
08:32 ต่อ (ที่มา เสวนา เหมือนการเดินจงกลม ใช่ไหมครับ
08:51 Samart S ครับ/ แต่แบบได้ผลเร็วกว่า
09:21 Samart S ท่านที่ไม่กำหนดอะไร จะเกิดการหลงได้ง่าย ดูจากกราฟจะเห็นว่าท่านติดนิมิตอันไดอันหนึ่ง แล้วเกิดผ่อนคลายยิ้มออกมา /ถามท่านว่าเห็นอะไร ท่านว่าเห็นแสงสว่าง ซึ่งก็เป็นกิเลสตัวหนึ่งมาล่อหลอก
09:21 Samart S กำหนดสติไม่ไวพอ
09:22 กาญ
เห็นด้วยเลยค่ะ แบบหลวงพ่อเทียนทดลองเห็นผลได้ชัดเจนมากค่ะ
09:22 Samart S ใช่ครับ
09:22 Samart S ผ่อนคลายดีที่สุดกว่านั่งเฉยๆ
09:23 Samart S หลวงพ่อเทียน กราฟ สีแดงจะขึ้นเร็ว
09:23 Samart S Interested คือเส้นสีแดง
09:25 Samart S กำหนดแบบเดิม ๆ มีความเครียดสูงครับ / เส้น stress จะสูงมาก
09:26 Samart S ไม่ค่อยผ่อนคลาย
09:33 กาญ เมื่อต้นปีที่แล้ว พระมหาดิเรกได้ประชุมเรื่องการสอนภาวนาเด็กกับตัวแทนรัฐบาลภูฐาน ที่เชียงใหม่ ซึ่งพ่อของกษัตริย์จิ๊กมีให้ตวามสนใจเรื่องการพัฒนาด้านจิตใจตั้งแต่เด็ดๆ เดิมเขาใช้วิธีนั่งหลับตาของดร อาจอง ชุมสาย แต่เขาบอกผลออกมาไม่work การให้นั่งหลับตาทำสมาธิผิดธรรมชาติเด็ก ตอนหลังเปลี่ยนเป็นใช้สมาธิเคลื่อนไหว เอาการเจริญสติแบบ ลพ เทียน ไปสอน อน ได้ผลเีกว่าค่ะ
09:43 Samart S ครับประมาณนั้น/ ต้องให้เหมาะสมกับวัย/ จริตด้วยครับ/ พระพุทธเจ้าพระองค์ทรงออกแบบหลักสูตรเฉพาะบุคคลไป ไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับกาล วัย สถานการณ์ สิ่งแวดล้อม ด้วยครับ ปต่หลักใหญ่ ๆ คือ สอนให้คิด จากสติ
09:43 Samart S แต่
2018.01.19 Friday
17:58 ดร. ก้องภพ ไม่ทราบว่าคุณกนนได้ทดลองใช้ mindwave อ่านค่าสัญญานดิบบ้างหรือยังครับ
18:54 กาญ ใช้Brainwave Visualizer มีDisplayแบบนี้ค่ะ
18:55 กาญ มันsaveไม่ได้ค่ะ
19:15 Samart S ใช้มือถือใช่ไหมครับ
19:15 Samart S มันเซฟไม่ได้
19:15 กาญ ค่ะ
19:19 Samart S ของผมพอสรุป ประยุกต์ อธิบาย กับกรรมฐานได้แล้วครับ
19:21 Samart S กำลัง สังเคราะห์กับคัมภีร์ อีกนิดหน่อย/
20:25 Samart S มีนัยยะ พอสมควรครับ/ ขาดแต่ว่าจะทำเป็นของเราอย่างไรนี่แหละปัญหาหา /
20:26 Samart S เรื่องการสร้างapplication ในชื่อของเราเลย
20:28 Samart S โหมดสมาธิ: วิตก/วิจารณ์ /ปิติ/สุข/เอกัคตา
20:49 ดร. ก้องภพ ใช้ตัวนี้ครับ save เป็น csv ได้
20:52 Samart S Stickers
20:57 ดร. ก้องภพ http://blog.wittchen.biz.pl/interpreting-data-in-csv-files-generated-by-eeg-analyzer/
21:30 Samart S ข้อมูล พื้นฐานเลย
21:31 Samart S Emotiv ผมกำลังหาทางบันทึก
21:31 ดร. ก้องภพ ส่วนตัวนี้สามารถแสดงผลเป็นกราฟพื้นฐานครับ
21:31 ดร. ก้องภพ พวกสัญญาน alpha beta theta
21:33 Samart S ไม่ยังหาข้อมูล ที่ของเขาบอกว่า คลื่นตัวไหนรวม ๆ กันถึงเรียกว่า Meditation/ และ Stress
21:33 Samart S หรือว่า เป็นงานวิจัยของเขา กำหนดเอง
22:04 กาญ ขอบคุณค่ะ
23:45 ดร. ก้องภพ ฝากคุณกานต์ ช่วยดูสัญญานของเครื่อง mindwave หน่อยครับว่า มีความสามารถพอนำมาใช้แยกสภาวะการปฏิบัติได้เหมือนเครื่อง muse หรือไม่
23:47 ดร. ก้องภพ
หากสามารถทำได้พอๆกันจะมีประโยชน์มาก ในการสร้างเครื่องวัดคลื่นสมองเองที่มีราคาถูก ในภายหลังครับ
23:54 กาญ ค่ะ
23:55 ดร. ก้องภพ ขอบคุณมากครับ
23:56 กาญ บันทึกคร่าวๆส่งให้หลวงพี่ก่อนค่ะ
23:58 ดร. ก้องภพ
ดูจากข้อมูลที่บันทึก ถ้าใช้เพียง spectrum แยกสภาวะคงจะเขียนโปรแกรมได้ไม่ยาก
2018.01.20 Saturday
00:04 กาญ ดีเลยค่ะ
00:06 กาญ ไว้จะลองดูคลื่นรายตัวด้วยค่ะ
07:34 Samart S Alpha wave เขาจัดอยู่ meditation
07:35 Samart S Delta wave นี้ดูเหมือนว่าการเข้านิโรธสมาบัติ
07:35 Samart S จิตตกภวังค์
07:36 Buja Dhammapujako คุยกันล่าสุด กาญ กำลังออกแบบการทดลองและเก็บข้อมูลกลุ่มตัวอย่าง ที่ฝึกปฏิบัติที่วัดป่าแก้ว เพื่อจะส่งสเปกตรัมให้ ดร.ก้อง วิเคราะห์
07:37 Samart S Stickers
07:37 Samart S ดีเลยครับ
07:38 ดร. ก้องภพ ขอบคุณครับ
07:46 ต่อ (ที่มา เสวนา คลื่นความถี่สูงมีพลังงานมาก เหมือนคลื่นแกมม่าที่สมองส่งออกมาว่ามีพลังงานทำกิจกรรมต่างๆ
07:52 ดร. ก้องภพ
หากการวิเคราะห์จากความถี่ ได้ข้อมูลตามต้องการแล้ว ควรหาความเชื่อมโยงกับตำแหน่งที่ติดบนหัวว่า ตำแหน่งไหนสำคัญที่สุดในการวิเคราะห์ข้อมูล
07:53 ดร. ก้องภพ หากมีเวลาผมจะลองถามหมอดูครับ
2018.01.21 Sunday
11:25 Samart S ผมอยากได้พระที่เจริญแบบสมถะ สมาธิขั้นสูงจัง
11:25 Samart S ทำเป็น benchmark
11:31 Buja Dhammapujako สมถะ เหรอ ขั้นสูงขนาดไหน
11:45 Samart S คงต้องไล่ลำดับไปครับ เพราะเราไม่รู้ว่า ขั้นไหน
11:45 Samart S คงเลย ขณิกไป
11:46 Samart S เลยอยากจะทำรูปแบบไว้ว่าคนที่ได้ระดับนี้ส่วนมากมีรูป pattern แบบไหน
11:47 Samart S เพราะเราไม่มีตัวชี้วัดกันเลย จึงเป็นปัญหาครับ
11:47 Samart S เผื่อจะได้อะไรดี ๆ มาทำครับ
12:10 Buja Dhammapujako หลวงพี่เคยคุยกับพระที่ท่านไปเรียนสมาธิสายพม่าวัด พะอ๊อกตอยะ ที่เค้าเรียนตามคัมภีร์วิสุทธิมรรคเป๊ะๆ ท่านบอกว่านิยามของขณิกสมาธิของท่าน ก็ไม่ตรงกับที่เราคนไทยเข้าใจกัน
12:15 Samart S อ้อ
12:15 Samart S น่าสนใจครับ
12:16 Samart S นี่แหละผมถึงอยากจะให้เครื่องมือวิทยาศาสตร์เป็นตัวชี้วัด ครับ
12:16 Samart S เพราะเราจะได้มั่นใจว่า อะไรเป็นอะไร
12:16 Samart S หารูปแบบหลายๆ ตัวอย่าง
12:17 Buja Dhammapujako
คิดว่าน่าจะเน้นสภาวะของการสร้างเหตุ คือการเดินมรรค ว่าเป็นขั้นๆไปอย่างไร ทำแล้ววัดผลได้ คือกิเลส และความทุกข์ ปัญหาชีวิต ลดได้จริง
12:17 Samart S ครับ
12:18 Samart S ความเครียดในกราฟ ลดลงง่าย แสดงว่าปล่อยวางเร็ว ครับ
12:19 Samart S อิทธิวิธญาณ
{๑๓๓}[๒๓๘] เมื่อจิตเป็นสมาธิบริสุทธิ์ผุดผ่อง ไม่มีกิเลสเพียงดังเนิน ปราศจาก
ความเศร้าหมอง อ่อน เหมาะแก่การใช้งาน ตั้งมั่น ไม่หวั่นไหวอย่างนี้ ภิกษุนั้น
น้อมจิตไปเพื่ออิทธิวิธญาณ แสดงฤทธิ์ได้หลายอย่าง คือ คนเดียวแสดงเป็นหลายคน
ก็ได้ หลายคนแสดงเป็นคนเดียวก็ได้ แสดงให้ปรากฏหรือให้หายไปก็ได้ ทะลุฝา กำแพง
(และ)ภูเขาไปได้ไม่ติดขัดเหมือนไปในที่ว่างก็ได้ ผุดขึ้นหรือดำลงในแผ่นดินเหมือนไป
ในน้ำก็ได้ เดินบนน้ำโดยที่น้ำไม่แยกเหมือนเดินบนแผ่นดินก็ได้ นั่งขัดสมาธิเหาะไป
ในอากาศเหมือนนกบินไปก็ได้ ใช้ฝ่ามือลูบคลำดวงจันทร์ดวงอาทิตย์อันมีฤทธิ์มาก
มีอานุภาพมากก็ได้ ใช้อำนาจทางกายไปจนถึงพรหมโลกก็ได้
12:19 Samart S ในพระไตรปิฏก
12:19 Samart S เล่ม 9 หน้า 79
12:19 Buja Dhammapujako “ความเครียด” ในกราฟ เค้าวัดด้วยส่วนผสมของคลื่น ตัวไหนบ้าง อันนี้ เราต้องวิจัย
12:20 Samart S เหมือนฝึก X - Men
12:20 Samart S ในโปรแกรมมันให้เรามาสำเร็จเลยครับ
12:21 Buja Dhammapujako อันนี้น่าจะเป็นโจทย์วิจัยของเราไหม ??
12:21 Samart S ซึ่งผมถามเขาไป เขาไม่ค่อยจะตอบ แต่รู้สึกว่ามันมีการกำหนดทางการแพทย์ครับ
12:21 Buja Dhammapujako มันเป็นความลับทางการค้า
12:21 Samart S ผมว่าจะลองเรื่อง อิทธิวิธีนิดหน่อย
12:22 Buja Dhammapujako อยากเหาะได้เหรอ
12:22 Samart S เป็นกะสัย
12:23 Samart S พลังงานศักย์ทางจิตครับ
12:23 Samart S การสื่อสารทางจิต
12:23 Samart S ไม่ต้องมี อินเตอร์เน็ต
12:23 Samart S นี่ก็สำคัญ
12:24 Buja Dhammapujako มีเรื่องเล่า ลูกศิษย์หลวงปู่ชา ถามท่านว่า ถ้าฝึกสมาธิแล้วจะบินได้ไหม ท่านตอบว่า แมงกุดจี่กินขี้ควาย มันยังบินได้เลย แล้วจะบินไปทำไม
12:24 Samart S Stickers
12:25 Samart S แปลกเหมือนกัน ท่านสำเร็จ อรหันต์ จะได้ผลพลอยได้ ในฤทธิ์เหล่านี้ น่าจะมีอะไรสัมพันธ์กัน
12:25 Buja Dhammapujako แต่คนเราชอบทางไหน ก็ต้องทำอย่างที่ชอบน่ะเนาะ
ทำอย่างที่ชอบ แล้วเอามาเชื่อมโยงกัน
13:25 ต่อ (ที่มา เสวนา น่าจะต้องมีเครื่องมือแบบนี้ไหมครับ คือ ผู้ที่ทำสมาธิ ใช้กดหรือใช้นาฬิกาจับว่า ช่วงนี้เกิดปีติ ช่วงนี้เกิดอะไรมนจิต จะได้เทียบกับกราฟในเครื่องได้ เพราะคนที่รู้ดีที่สุดคือคนนั่งสมาธิ
13:26 ต่อ (ที่มา เสวนา เริ่มจับเวลากับเปิดเครื่องพร้อมกัน แล้ว มีการกดหรืออะไรก็ได้ เพื่อให้ทราบว่าช่วงเวลาไหนก็กราฟเกิดอะไรขึ้น ผู้นั่งจะทราบดีที่สุด
14:19 ดร. ก้องภพ
คงต้องมีการจัดหมวดหมู่ของสภาวะที่เกิดขึ้น โดยอาศัยสัญญานคลื่นสมอง
14:20 ดร. ก้องภพ หากใช้ unsupervised machine learning ก็จะได้สภาวะต่างๆมา ในแต่ละเวลา
14:21 ดร. ก้องภพ แล้วมาจัดหมวดหมู่ของสภาวะ
14:22 ดร. ก้องภพ เทียบเคียงระหว่างผู้ที่ปฏิบัติดีแล้ว กับผู้ที่ไม่ได้ปฏิบัติ
14:23 ดร. ก้องภพ คอมพิวเตอร์จะแยกแยะได้ว่า สภาวะไหนเป็นสภาวะที่ควร หรือ ไม่ควรเกิด
14:24 ดร. ก้องภพ ให้ผู้ใช้งานได้รับทราบ และแนะนำแนวทางในการปฏิบัติเพื่อแก้ไข
14:24 Buja Dhammapujako Stickers
14:26 ดร. ก้องภพ ปัญหาของคอมพิวเตอร์คือ แม้แยกแยะได้ มันก็ไม่ทราบชื่อของสภาวะ
14:27 Buja Dhammapujako ที่วัดจะมีการฝึกขั้นต้น 3 ขั้น ขั้นก้าวหน้า 3 ขั้น
14:27 ดร. ก้องภพ มันทำได้คือจากจัดหมวดหมู่ และรู้ว่าสภาวะไหนควรละ สภาวะไหนควรเจริญ
14:27 ดร. ก้องภพ หากทางวัดสามารถจัดหมวดหมู่ได้ก็จะเป็นการดีครับ
14:28 ดร. ก้องภพ ตรงนี้ต้องใช้คนช่วยตรวจสอบ
14:28 Buja Dhammapujako รอ @kan ช่วยออกแบบ การเก็บข้อมูล และจะได้หากลุ่มตัวอย่าง ทดสอบที่วัด
14:28 ดร. ก้องภพ ครับ
14:29 Buja Dhammapujako หลังจากพระอาจารย์กลับจากอินเดีย วันที่ 4/2
14:29 ดร. ก้องภพ เป็นการดำเนินการในขั้นแรก
14:29 ดร. ก้องภพ ในส่วนเทคนิคแล้ว คงต้องสร้างมาตรฐานการจัดเก็บข้อมูล
14:30 ดร. ก้องภพ เพื่อให้ง่ายต่อการวิเคราะห์โดยคอมพิวเตอร์
14:31 ดร. ก้องภพ ปีนี้อาจจะได้ร่วมมือกับคณะคอมพิวเตอร์จุฬา ช่วยเรื่องนี้
14:32 Buja Dhammapujako Stickers
14:32 ดร. ก้องภพ น่าจะทำสำเร็จได้ครับ
15:16 Samart S สมาธิ
15:16 ดร. ก้องภพ เรื่องสมาธิที่เสนอ ก็สามารถให้คอมพิวเตอร์ แยกแยะได้เช่นกันครับ
15:17 Samart S ถ้าทำได้ถือว่าเยี่ยมเลยครับ
15:17 ดร. ก้องภพ โปรแกรมเดียวกัน เพียงแต่คนต้องคอยจัดหมวดหมู่
15:17 Samart S อ้อ
15:17 ดร. ก้องภพ Algorithm เดียวกัน
15:17 ดร. ก้องภพ เขียนโปรแกรมทีเดียว
15:18 Samart S พระพุทธศาสนาควรจับต้องวัดได้
15:19 Samart S ไม่เช่นนั้นจะถูกพวก ที่หาประโยชน์จากความรู้เอาไปใช้ในทางที่ผิด ครับ
15:19 ดร. ก้องภพ ครับ
15:20 ดร. ก้องภพ จะมีสิ่งหนึ่งที่อาจจะสร้างปัญหา คือเรื่องการเอาสภาวะไปเทียบกับคนอิ่น
15:20 Samart S ผมจึงเดินในแนวทางพระพุทธศาสนากับวิทยาศาสตร์
15:20 Samart S นี่แหละ benchmark
15:20 Samart S ผมกำลัง หาครับ
15:21 Samart S เราอาจจะพูดว่า ความน่าจะเป็นก็ได้ครับ
15:22 ดร. ก้องภพ หาเทียบผิด จะหลงกลายเป็นว่าคนหนึ่งพิเศษกว่าอีกคน
15:22 Samart S ใช่
15:22 Samart S ต้องได้ข้อมูลที่มากพอเป็นชุดมาตรฐาน
15:22 Samart S เทียบกับคัมภีร์
15:22 ดร. ก้องภพ ตรงนี้อาจต้องมีการบริการจัดการ วิธีแสดงผล
15:23 Samart S อ้อครับ
15:23 ดร. ก้องภพ สร้างกำลังใจกับผู้ปฏิบัติ
15:25 Samart S ดีมาก
15:26 Samart S บางครั้งคนปฏิบัติธรรม ไม่มีไกด์ให้เดินว่า ใช่ไม่ใช่
15:26 Samart S เกิดท้อได้
15:52 ดร. ก้องภพ ตรงนี้คงต้องวานให้ทางวัดเขียนข้อแนะนำ
15:53 ดร. ก้องภพ การฝึกหลายๆ เหมาะกับสภาวะหรือจริตนิสัย
15:54 Buja Dhammapujako มีข้อความที่เคยเขียนแชร์ในกลุ่มโยมเพื่อน
15:54 Buja Dhammapujako
##“ปฏิบัติอย่างไร ให้ใจรู้สึกว่า ทุกอย่างเกิดจากเหตุและปัจจัย มันเป็นเช่นนั้นเอง”
ใจกับกิเลสเป็นคนละส่วนกัน แต่จิตที่หลงก็จะคิดว่าเป็นสิ่งเดียวกัน
เราปฏิบัติภาวนาก็เพื่อเรียนรู้วิทยาศาสตร์ของจิตตรงนี้ ว่าเมื่อฝึกถูกทางแล้ว จะเห็นได้ชัดเจนว่าจิตกับกิเลสหรืออารมณ์(คือความรู้สึกสุขทุกข์ต่างๆ, ความกังวล, ความฟุ้งซ่าน ฯลฯ) เป็นคนละส่วนกันและเมื่อปฏิบัติก้าวหน้า ก็จะเห็นชัดว่าจิตกับความทุกข์ ห่างกันออกไปเรื่อยๆ
เมื่อปฏิบัติจนชำนาญจนกระทั่งจิตกับอารมณ์ ความสุข ความทุกข์ ห่างกันจนไม่ย้อนมาใกล้กันอีก ท่านก็มีชื่อเรียกทางทฤษฎีว่าเป็น อริยะบุคคล
โดยหลักการแล้ว
ต้องป้อนข้อมูลที่ถูกต้องให้กับจิตใต้สำนึก การจะป้อนข้อมูลที่ถูกต้องให้ได้ผลนั้น จิตต้องอยู่ในสภาวะที่พร้อมจะรับข้อมูล คือต้องอยู่ในสภาวะที่จิตมีความสุข และมีความรู้สึกตัวเองอยู่อย่างเป็นกลางๆ จิตจะเรียนรู้ด้วยตัวเองไปเรื่อยๆ จนมีปัญญาเห็นความเป็นเช่นนั้นเองในที่สุด
ถ้าตามทฤษฎีแล้วคือการการเดินตาม โพชฌงค์ 7 (องค์ธรรมแห่งการตรัสรู้)
ที่เริ่มด้วย
- การมีสติ, เพื่อ 2) การวิจัยธรรมมะ(ในจิต) แยกแยะให้เห็นว่าในจิตเรา มีความคิด ความจำ ฯลฯ
ผุดขึ้นและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา 3) ทำให้ต่อเนื่อง (วิริยะ) ก็จะเกิด 4) ความสุข(ปีติ) และ 5) ความอิ่มใจ (ปัสสัสธิ)
และทำให้เกิด 6) สมาธิ เมื่อแก่รอบก็จะทำให้เกิด 7) การปล่อยวาง (อุเบกขา)
จะเห็นได้ว่าความสุขเป็นตัวแปรสองในเจ็ดตัว ดังนั้นถ้าปฏิบัติไปแล้วรู้สึกอึดอัดเคร่งครัด อันนั้นให้รู้ไว้เลยว่าปฏิบัติผิด
ทีนี้ในแง่การปฏิบัติ ทำอย่างไรจึงจะเจริญสติให้ได้เป็นกลางๆ ตามประสบการณ์ที่เคยปฏิบัติมาพอสมควร พบว่าจริตของคนปัจจุบันยากที่จะเริ่มจากการพยายามทำให้จิตนิ่งให้ได้ที่ก่อน แต่ต้องเริ่มจากการเจริญสติด้วยการรู้สึกตัวไปพร้อมๆกับการพิจารณาแยกแยะอารมณ์ไปในคราวเดียว
วิทยาศาสตร์ของจิตนี้ เป็นสิ่งที่มีค่าอันประมาณไม่ได้ ที่พระพุทธองค์ทรงให้ไว้เป็นมรดกสำหรับมนุษยชาติ เราเกิดมาแล้วถ้าไม่ได้เรียนรู้ตรงนี้ นับว่าเสียดายชาติเกิดยิ่งนัก และไม่ใช่ว่ามาเรียนรู้ตรงนี้แล้วจะแปลกแยกจากสังคมจากโลก ในทำนองกลับกัน เรากลับจะใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากขึ้นไปเรื่อยๆ เป็นความสุขทีปราณีตและลึกซึ้งไปเป็นลำดับ
15:56 ต่อ (ที่มา เสวนา) พี่กานต์มี plan ทดลองหรือวัดค่า ที่ไหน เมื่อไหร่ก็แจ้งได้ครับ เผื่อผมว่างช่วงนั้นจะแจ้งไป ว่าจะไปช่วยเก็บข้อมูล
16:50 ต่อ (ที่มา เสวนา) ส่วนถ้าเป็นพระภิกษุมาทดสอบ ผมเห็นว่าให้ท่านบรรยายสภาวะที่เกิดกับจิตว่าเป็นอย่างไรน่าจะดีกว่านะครับ เกรงว่าถ้าท่านอธิบายตีความว่าเป็นฌานขั้นไหน อาจจะผิดวินัยสงฆ์หรือเปล่า ผมห่วงตรงนี้
16:50 ต่อ (ที่มา เสวนา) เป็น คห ผมเฉยๆครับ
16:53 Samart S เราไม่ถามท่าน แต่สังเกตอาการท่าน ตามคัมภีร์ /
16:53 Samart S เช่น อาการขนลุก / น้ำตาไหล ปิติ
16:54 Samart S ในคัมภีร์จะอธิบายพอสมควรให้เราเอาเป็นไกด์ได้
16:57 ต่อ (ที่มา เสวนา) สภาวะทางจิตเช่น อิ่มใจ สบายใจ เป็นภาษาทั่วไป น่าจะประกอบการตีความได้ครับ
16:59 Samart S Stickers
17:00 Samart S ต้องค้นหาอีก
17:00 Samart S มีคัมภีร์ชั้น หลัง ๆ กล่าวละเอียดมากขึ้น
17:04 ต่อ (ที่มา เสวนา) งานนี้สงสัยต้องมีใบประเมินให้ tick ความรู้สึก+สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งภายในภายนอก (มีข้อไกด์ให้) เป็นหลักฐานได้ด้วย
17:06 Samart S Stickers
17:06 ต่อ (ที่มา เสวนา) พี่อ๊อดวิจัยเสร็จปีนี้ใช่ไหมครับ ถ้าเครื่องว่างๆ ยังไม่มีใครใช้ อาจจะขอยืมมาทดสอบหน่อยนะครับ เอารุ่นเก่าๆก็ได้
17:06 ต่อ (ที่มา เสวนา) ไว้ค่อยยืมครับ
17:06 Samart S โอเค