สรุปการประชุมจาก คุณครูอุ๊ รุ่งอรุณ
สรุปประเด็นการประชุมคณะกรรมการวิชาการ
โครงการพระไตรปิฎกศึกษาฯ ครั้งที่ 1
ณ สุธัมมศาลา วัดจากแดง
พุธที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ.2562
เวลา 9:00-11:30 น.
เปิดประชุม
พระมหาประนอม กล่าวเปิดประชุมสร้างแรงบันดาลใจให้กับสมาชิกที่ประชุมว่า ปัจจุบันหลายกลุ่มอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับพระพุทธศาสนา สำหรับกลุ่มพระไตรปิฎกศึกษานี้ มีความคาดหวังและกำลังทำเรื่องการศึกษาธรรมะสำหรับเด็กและเยาวชนให้สำเร็จทั้งระบบ หมายความว่าทั้งประเทศ ไม่ใช่เฉพาะโรงเรียนใดโรงเรียนหนึ่ง ให้เด็กเรียนธรรมะได้ไม่เบื่อและใช้เวลาในการเรียนน้อย ดังที่ศรีลังกา พม่าและไต้หวัน ทำได้สำเร็จ เป็นการเริ่มทำแม้ยังไม่พร้อมและไม่รู้ แต่เป็นการลงมือทำไปเรื่อยๆด้วยหัวใจ ทำอย่างต่อเนื่องจนถึงเป้าหมาย เช่นคนไม่ยอมทิ้งความฝันของตนเองและไม่ยอมให้เสียงค้านของใครดังกว่าเสียงในใจของตนเอง แม้จะวิ่งช้าหน่อย เป็นการวิ่งไปพักไป แต่ไม่ยอมเลิกล้มจนกว่าจะถึงเส้นชัย ดังตัวอย่างในเรื่อง “อย่าปล่อยให้ใครฆ่าวาฬของคุณ”
แนะนำตัว
ผู้ประสานงานโครงการฯ - คุณศุภร
สมาชิกรับเชิญจากโรงเรียนสยามสามไตร
1)ม.ล.วราภา เกษมศรี
2)ม.ล.ผกามาลย์ เกษมศรี
3)คุณอนินทิตา โปษกฤษณะ
และคณะครูจากรร.สยามสามไตร 4 ท่าน
สมาชิกรับเชิญจากโรงเรียนทอสี
8)ครูอ๊อด ตัวแทนคุณบุปผาสวัสดิ์ รัชตาตนันท์
อาสาสมัครจิตอาสา
9)คุณพพา
ความเป็นมาและขอบเขตงาน
พระมหาพงศ์นรินทร์และพระวินย์ บอกเล่าความเป็นมาของการริเริ่มโครงการพระไตรปิฎกศึกษาเพื่อมวลมนุษยชาติ โดยสรุปความว่า เป็นเพราะแม้ในประเทศไทยจะมีพระไตรปิฎก แต่คนไม่ค่อยศึกษาหรือมีโอกาสได้ศึกษา จึงต้องหาทางให้คนศึกษา หรือทำหลักสูตรให้คนเข้าถึงได้ง่ายขึ้น การประชุมครั้งนี้เพื่อหาแนวทางขับเคลื่อนพระไตรปิฎกศึกษา เป็นการฟื้นฟูการศึกษาพระไตรปิฎกในประเทศไทย
ขอบเขตของงาน อธิบายด้วยภาพต้นไม้TS1-6 และขณะนี้งานในส่วนธรรมะศึกษาสำหรับเด็กและเยาวชนกำลังแปลหลักสูตรวิถีพุทธ(ธรรมะสคูล)ของพม่า เพื่อนำมาศึกษาและปรับให้เข้ากับวัฒนธรรมไทย ให้คนไทยได้เรียนพระไตรปิฎกพื้นฐานซึ่งเมื่อเรียนแล้วอยากเรียนต่อในขั้นสูงขึ้นไปอีก
งานของโครงการขณะนี้มี2ส่วน คือ
1)ธรรมะศึกษาสำหรับเด็กและเยาวชน คือ TS4 ซึ่งต้องมีตัว TS3 ได้แก่วิทยากร มาก่อนลงสู่TS4 เด็กและเยาวชน ความแตกต่างของการนำหลักสูตรลงใช้ จึงอยู่ทีการฝึกอบรมครูเพื่อให้การสอนบรรลุเป้าหมาย
2)กระบวนการงานฟื้นฟูการศึกษาพระไตรปิฎก เริ่มด้วยขอเชิญชวนให้สมาชิกเตรียมสอบพระไตรปิฎกฉบับสำหรับประชาชน
อภิปรายซักถามและความเห็นจากที่ประชุม
- บริบทของพม่าและไทยมีความแตกต่างกัน
การนำมาใช้ต้องคำนึงถึงความเหมาะสมกับสังคมและวัฒนธรรมไทยให้มาก
2)พระไตรปิฎกเป็นของลึกซึ้ง การจะทำให้ผู้คนทั่วไปศึกษาได้ง่าย ควรคำนึงถึงความถูกต้องของแก่นธรรมไม่ให้เบี่ยงเบน
3)ข้อดีของการมีหลักสูตรคือเป็นแนวทางการสอนให้กับครูจำนวนมากที่จะรู้ว่าต้องสอนอะไร อย่างไร ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน
4)สื่อการเรียนพระพุทธศาสนาในบ้านเรามีอยู่มากมายทั้งเพลง ภาพยนตร์การ์ตูน นิทาน สามารถคัดเลือกนำมาใช้ได้
5)เนื่องจากบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ไทยที่เกี่ยวข้องกับการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนายังมีอีกมากมายที่คนไทยไม่รู้จัก น่าจะได้ทบทวนและนำมาใส่ไว้ในหลักสูตร
6)การสอนพุทธศาสนาควรมีการประเมินผลที่ไม่ใช่แค่การเลือกคำตอบที่ถูก
7)ควรมีบทเรียนสอนสมาธิในหลักสูตร
ความคืบหน้าของงาน
1)งานแปลแบบเรียนและคู่มือครูจากธรรมะสคูลพม่าเป็นภาษาไทย
คู่มือครูระดับชั้นอนุบาล แปลเสร็จแล้ว 1 เล่ม
แบบเรียนและคู่มือครู เกรด3 บทที่ 1 แปลแล้วโดยนักศึกษาม.รังสิต ชาวไทยใหญ่
แบบเรียน เกรด5 บทที่1-5 แปลแล้ว โดยคุณธัญญรัฐ แรงกสิกรณ์(เพื่อนของศิษย์ท่านบูชา ธัมมปูชโก)
แบบเรียนและคู่มือครู เกรด 6 กำลังแปล โดยคุณวทัญญู ฟักทอง (ศิษย์แม่ชีวิมุตติยา)
พระมหาประนอมได้ให้แนวทางเกี่ยวกับลำดับงานขั้นต่อไป(ไว้เมื่อตอนกล่าวเปิดประชุม)ว่า ต่อจากการแปล เป็นการปรู๊ฟ ปรับ และคัดสรรให้เข้ากับวัฒนธรรมไทย ต่อจากนั้นจึงแปลเป็นภาษาอังกฤษ
งานที่จะแปลในลำดับต่อไป
แบบเรียนและคู่มือครู เกรด 1 สำหรับระดับประถม และ เกรด7-8 สำหรับมัธยม
2)สำนักงานของโครงการ
เปลี่ยนจากการเช่าตู้คอนเทนเนอร์ มาปรับใช้อาคารริมน้ำให้เป็นสำนักงาน เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย
3)ดำริแบ่งกลุ่มงานวิชาการตามความถนัด
พระมหาพงศ์นรินทร์แนะนำสมาชิกเลือกเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการแต่ละกลุ่มงานตามความถนัดของตน เช่น
กลุ่มงานเกี่ยวกับการค้นหาบุคคลตัวอย่าง (Idol) ได้แก่ ครูวันใหม่
กลุ่มงานรวบรวมสื่อที่มีอยู่เพื่อนำมาคัดเลือกใช้ตามเป้าหมายและแนวทางของโครงการพระไตรปิฎกศึก ได้แก่ ม.ล.วราภา
กลุ่มงานเกี่ยวกับการรวบรวมพระสูตร ชาดก นิทาน เป็นต้น
นัดประชุมครั้งต่อไป
วันอังคารที่ 21 พค. 62 เวลา 9:00 น. ที่วัดจากแดง เพื่อช่วยกันศึกษาวิเคราะห์แบบเรียนและคู่มือครูของธรรมะสคูล เริ่มที่ชั้นอนุบาล